วันจันทร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ขนมหวานขึ้นชื่อของแต่ละประเทศ

แบล็คฟอเรสท์เค้ก



ความมีชื่อเสียงในเรื่องชนิทเซล เบียร์ และเค้กรสชาติอร่อยมากมาย จึงไม่น่าแปลกใจที่เยอรมนีจะกลายเป็นสถานที่ดื่ม-กินยอดนิยมของเรา โดยเจ้าช็อกโกแลตเค้กที่ทับซ้อนหลายชั้นด้วยครีม เชอร์รี่ และบรั่นดีผลไม้นี้ถือกำเนิดขึ้นในช่วงต้นยุค 1900 ทางตอนใต้ของ เยอรมนี (ภายหลังได้รับการปรุงแต่งให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นด้วยฝีมือของช่างทำเค้กในกรุง เบอร์ลิน) และทุกวันนี้เป็นทื่ชื่นชอบของคนทั่วโลก ซึ่งแน่นอนว่า นี่ก็เป็นหนึ่งในของโปรดของเราเช่นกัน


ฮาโล ฮาโล (Halo Halo)

จาน เด็ดของชาวฟิลิปปินส์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไม่แพ้ไข่บาลุท แต่รับประกันได้ว่าไม่น่าสะอิดสะเอียน ทั้งนี้ ฮาโล ฮาโล ไม่มีสูตรการทำที่แน่นอน แต่ดูๆ ไปก็ไม่ต่างอะไรกับน้ำแข็งใสของบ้านเรา โดยนำน้ำแข็งบดมาเติมด้วยเครื่องเคียง เช่น ถั่วเขียว ลูกตาล ขนุน มะพร้าวอ่อน ไอศกรีม วุ้นมะพร้าว สับปะรด และอื่นๆ ก่อนจะปิดท้ายด้วยการราดนมข้นหวานและน้ำเชื่อม โดยสามารถหารับประทานได้ทุกที่ในกรุงมะนิลา


ทีรามิสุ

เค้กชื่อดังของอิตาลีทำขึ้นจากเลดี้ฟิงเกอร์ราดเอสเปรสโซ่ สอดไส้ด้วยมาสคาร์โปนชีสและซาบากลิออเน ลือ กันว่าทีรามิสุมีจุดกำเนิดมาจากการที่แม่บ้านของทหารในสงครามโลกครั้งที่สอง ทำเค้กให้สามีรับประทาน โดยเชื่อว่าส่วนผสมของคาเฟอีนกับน้ำตาลจะช่วยให้พวกเขามีพลังและแคล้วคลาด จากอันตราย ช่างโรแมนติคเสียนี่กะไร เหมาะจะเป็นของหวานรับวันวาเลนไทน์โดยแท้



ข้าวเหนียวมะม่วง

ขนม หวานแบบไทยๆ ที่นำมะม่วงสุกเหลืองอร่ามมาทานคู่กับข้าวเหนียวมูนราดด้วยน้ำกะทิ ฟังแล้วชวนน้ำลายสอเป็นอย่างยิ่ง โดยได้รับความนิยมจากทั้งชาวสยามและชาวต่างชาติ ทั้งยังสามารถหาลิ้มลองได้ทั้งที่โรงแรม ห้างสรรพสินค้า ภัตตาคาร และร้านอาหารตามท้องถนนทั่วไป


แครมบรูเล่ (Crème Brulee)

แม้ชื่อจะฟังดูแล้วฝรั่งเศสสุดๆ แต่ อย่าเพิ่งด่วนตัดสินว่าเป็นเช่นนั้น เนื่องจากวิทยาลัยทรินิตี้ในเคมบริดจ์ได้อ้างว่าพวกเขาคือต้นตำรับผู้คิดค้น ขนมสูตรเด็ดนี้ในช่วงต้นศตวรรษที่ 1600 อย่างไรก็ตาม ถึงจะมีจุดกำเนิดจากอังกฤษ แต่เชื่อแน่ว่าคงไม่มีสถานที่ใดเหมาะแก่การทานคัสตาร์ดเย็นๆ โรยด้วยน้ำตาลไหม้ ได้เท่ากับใต้หอไอเฟลที่ประดับด้วยไฟสว่างไสวในยามค่ำคืนในกรุงปารีส


แอปเปิล พาย

เช่น เคย แม้จะฟังดูเป็นอเมริกันจ๋า แต่จริงๆ แล้วมีต้นกำเนิดจากเมืองผู้ดี โดยได้รับการคิดค้นขึ้นเมื่อปี 1381 และปกติจะอบด้วยแป้งสองชั้น ในสมัยก่อน ตอนที่ชาวอังกฤษอพยพมาตั้งรกรากในอเมริกา พวกเขาได้นำเมล็ดแอปเปิลมาปลูกด้วย จึงทำให้มันมีความเกี่ยวพันกับวัฒนธรรมของชาวมะกัน แต่ไม่ว่าจะที่โรงแรมในลอนดอนหรือภัตตาคารในแอลเอ แอปเปิลพายก็เป็นที่ถูกอกถูกใจบรรดาลูกค้าเหมือนกัน

ไดฟุกุ

ขนม เจลลาตินทรงกลมจากแดนอาทิตย์อุทัยมักสอดไส้ไว้ด้วยถั่วแดงหวาน (และบางครั้งก็อาจเป็นแยมสตอเบอร์รี่) โรยด้วยแป้งบางๆ โดยสามารถหาซื้อมารับประทานได้ทั้งจากกรุงโตเกียว โอซาก้า เกียวโต นากาโนะ และทุกแห่งในญี่ปุ่น

กุหลับ จามาน (Gulab Jamen)

ก้อน ขนมปังหวานที่คงไม่ถูกปากฝรั่งตาน้ำข้าว แต่คอนเฟิร์มว่าอยู่ในรายชื่อขนมอันดับต้นๆ ของชาวอินเดีย และเมื่อมีคนกว่าพันล้านคนชื่นชอบ ก็ยากจะปฏิเสธได้ว่ามันไม่อร่อย ปกติแล้วมักทำขึ้นโดยใช้ครีมสองชั้นและราด้วยน้ำเชื่อมเข้มข้น เป็นที่นิยมในอินเดีย ปากีสถาน เนปาล และประเทศในแถบเอเชียใต้


นาไนโม บาร์ (Nanaimo Bars)

แคนาดาขึ้นชื่อเรื่องขนมหวาน?ได้ยินแล้วไม่ต่างกับการพูดว่ากรุงเทพขึ้นชื่อเรื่องทะเลยังไงยังงั้น แต่กระนั้น ขนมรสเลิศดังกล่าวก็มีที่มาจากเกาะแวนคูเวอร์ในเมืองนาไนโม รัฐบริติชโคลัมเบีย โดยได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นจากฝีมือแม่บ้านท้องถิ่นซึ่งได้ส่งเจ้าขนมทรง จัตุรัสชิ้นนี้ไปประกวดในนิตยสารและคว้ารางวัลชนะเลิศมาได้ ปัจจุบัน เป็นที่ชื่นชอบของผู้คนในแถบอเมริกาเหนือ
บาคลาวา (Baklava)

ประวัติ ที่แท้จริงของบาคลาวายากที่จะระบุให้แน่ชัดเพราะว่ากันว่ามันมีต้นกำเนิดจาก จักรวรรดิอ็อตโตมัน ดินแดนเมโสโปเตเมีย และอาหรับ โดยขนมหวานชนิดนี้ทำขึ้นจากการนำแป้งฟิลโลมาสอดไส้ไว้ด้วยถั่ว น้ำผึ้ง หรือน้ำเชื่อม หากต้องการลิ้มลองรสชาติแบบต้นตำรับก็ต้องไปรับประทานถึงถิ่นที่อ้างว่าเป็น จุดกำเนิด ทั้งกรุงอิสตันบูล กรุงเอเธนส์ และกรุงเบรุต แม้แต่ละที่อาจจะมีรสแตกต่างกันไปบ้าง แต่ก็ยังการันตีได้ถึงความเอร็ดอร่อย








วันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ของดีจากต่างแดน...

แกะแดงจากนิวซีแลนด์





ทุเรียนแดงจากเกาะบอเนียว
ชื่อแปลตามตัวหนังสือก็ "ทุเรียนแดง" (red durian) เป็นทุเรียนพันธุ์พื้นเมืองของรัฐ Sabah ประเทศมาเลเซีย (เค้าว่าพบที่นี่ที่เดียวในโลก) รัฐนี้อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะบอเนียว กลิ่นไม่รุนแรงเหมือนทุเรียนทั่วไป




อันตรายจากการสักเจาะ





ขณะนี้วัยรุ่นนิยมแฟชั่นสักและเจาะตามร่างกายกันมาก โดยเฉพาะขณะนี้เกิดกระแสนิยมสักรูปมังกรเพื่อฉลองสหัสวรรษใหม่ ซึ่งหากเครื่องมือไม่สะอาดพอ อาจมีอันตรายต่อชีวิตได้
เคยมีรายงานวัยรุ่นไปเจาะจมูกและเชื้อแบคทีเรียจากช่องจมูกซึ่งเป็นบริเวณที่สกปรกมาก ลอยไปติดที่ลิ้นหัวใจทำให้ลิ้นหัวใจอักเสบและต่อมาก้อนเลือดและเชื้อโรคได้ไปอุดตันเส้นเลือด ในสมอง ทำให้เกิดฝีในสมองและมีอาการแขนขาอ่อนแรง สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น โรคโลหิตออกไม่หยุดที่เรียกว่า ฮีโมฟีเลีย โรคลิ้นหัวใจพิการ โรคผิวหนังแพ้และพุพองได้ง่าย ผู้ที่มีประวัติแพ้เครื่องประดับคือ แพ้โลหะนิกเกิล หรือผู้ที่เกิดแผลเป็นนูนโตที่เรียกว่า คีลอยด์ได้ง่าย เหล่านี้ควรงดเว้นการสักและการเจาะ นอกจากนั้น การสักและการเจาะหากใช้เครื่องมือที่ไม่สะอาด อาจเกิดติดเชื้อโรคได้เช่น เชื้อแบคทีเรียทำให้เป็นฝีหนอง , โรคบาดทะยัก, ไวรัสตับอักเสบ, วัณโรคผิวหนัง, ซิฟิลิส แม้กระทั่งโรคเอดส์ได้ พบว่าเข็มที่เผาไฟจนแดงก็ฆ่าเชื้อไวรัสตับอักเสบไม่ได้ ขณะนี้พบว่าคนไทย นับ 6 ล้านคน ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ซึ่งอาจนำไปสู่โรคตับแข็ง และเป็นมะเร็งของตับในที่สุด การติดต่อไวรัสตับอักเสบชนิดบีนั้นมี 3 ทางที่สำคัญคือ
1. ทางเลือด โดยการใช้เข็มร่วมกัน เช่น การสัก การเจาะหู การเสพยา
2. ทางเพศสัมพันธ์
3. จากมารดาสู่ทารก
การสักไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่มีมานานนับ 4,000 ปี โดยที่เดิมเป็นการสักแสดงความเชื่อ ต่อมาเป็นการสักเพื่อแสดงสัญลักษณ์ของกลุ่ม แต่ปัจจุบ้นเป็นการสักตามสมัยนิยมซึ่งจัดว่าน่าเป็นห่วงมากเพราะแฟชั่นนั้นเปลี่ยนแปลงไปได้ตลอดเวลา ตัวอย่างที่เห็นชัดเจนคือเรื่องการสักคิ้วถาวร ที่เมื่อ 3 - 4 ปีก่อนนิยมกันมาก แต่ปัจจุบันเริ่มเบื่อและต้องหันมาลบคิ้วกันแทน พบเสมอว่าผู้ที่ไปรับการสักการเจาะเมื่อยัง เป็นวัยรุ่นต่อมามีอายุมากขึ้นหรือต้องการไปสมัครงานก็ต้องหัน มาลบรอยสัก หรือเย็บปิดรอยเจาะกัน การลบรอยสักนั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ยากมาก ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายมากกว่าการสักเองหลายเท่านัก และมักมีแผลเป็นหลังลบรอยสัก นอกจากนั้น บางคนแพ้เม็ดสีที่ใช้สัก เช่น สีแดง สีเขียว อาจเกิดผื่นบวมแดง คัน เป็นก้อนตะปุ่มตะป่ำ นอกจากจะเกิดอันตรายได้ สังคมส่วนใหญ่ก็ยังไม่ยอมรับ วัยรุ่นหญิงบางคนไปสักที่ข้อมือ ต่อมาเกิดความอายต้องใส่นาฬิกาบังไว้ ที่สำคัญคือเมื่อแฟชั่นเปลี่ยนไปตัวเองก็จะเบื่อ ในกรณีของการสักนั้นอาจใช้รูปลอกติดแทนก็ได้ซึ่งอาจอยู่ได้นานถึง 7 วัน หรือใช้การเพ้นท์ส ีแทนการสัก ส่วนในกรณีการเจาะอาจใช้ต่างหูวงแหวนชนิดหนีบหรือต่างหูแม่เหล็กแทนก็ได้ สำหรับผู้ที่ต้องการเจาะหูต้องแน่ใจในความสะอาดของเครื่องมือ ถ้าใช้ต่างหูที่ทำด้วยเงินสเตอริงหรือสเตนเลส สตีล จะลดอาการแพ้ลงได้ ต่างหูโลหะทั่วไป ทองขาว และเงินเยอรมัน มีส่วนผสมของนิกเกิลซึ่งทำให้แพ้ได้ครับ






วันพฤหัสบดีที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2553

อะไรคือสิ่งที่ฉุดรั้งเราจากความสำเร็จ

ใคร ๆ ก็อยากประสบความสำเร็จกันทั้งนั้น เมื่อไม่สามารถหาความสำเร็จด้วยตัวเองได้ จึงต้องหาที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ โดยการพึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้น จึงได้เห็นผู้คนมากมายมากราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อขอพรด้วยประโยคซ้ำๆ ซากๆ คล้ายๆกัน แต่หลังจากที่ขอพรจากท่านแล้ว มีสักกี่คนกันคะ ที่จะตั้งใจทำงานในหน้าที่ของตัวเองให้ดียิ่งขึ้นหรือพัฒนาความสามารถของตนเองให้สูงขึ้นจนกระทั่งประสบกับความสำเร็จที่คาดหวังไว้หลายคนมักกล่าวอ้าง หรือโทษผู้อื่นว่า เป็นตัวการขัดขวางความเจริญก้าวหน้าของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเจ้านายบ้าอำนาลูกน้องขี้เกียเพื่อนร่วมงานตัวแสบ หรือ แม้แต่ลูกค้าเรื่องมาก ก็ถูกนำมาเป็นข้ออ้างฉุดรั้งความก้าวหน้าของพวกเราได้ทั้งสิ้น
1. ความกลัว บางคนมีความเคยชินกับสิ่งเดิมที่คุ้นเคย หรือเรียกว่าตกอยู่ใน comfort zone หรือติดหลุมสบาย จนไม่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลงคนที่ต้องการความสำเร็จต้องมีความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงเป็นผู้ที่สามารถดึงตัวเองขึ้นมาจาก comfort zone ได้ หากยึดติดกับสิ่งเดิมๆ ไม่กล้าเปลี่ยนแปลงก็จะไม่สามารถพัฒนาหรือยกระดับความสามารถของตัวเองได้เลย ความกลัวกับความกล้านั้นผูกติดกันเสมือนหน้ามือกับหลังมือ สุดท้ายจึงขึ้นอยู่กับคุณล่ะค่ะว่า จะเปิดใจใหความรู้สึกไหนขึ้นมาโชว์ตัว
2. ความอาย มีคนมากมายที่พลาดโอกาสสำคัญของชีวิตไปอย่างน่าเสียดายเพียงเพราะไม่มั่นใจในตนเองและไม่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับอุปสรรค หรือสิ่งที่มาท้าทายยึดติดกับข้อมูลเก่าๆ จนกลายเป็นข้อจำกัดของตัวเอง ทั้ง ๆ ที่เป็นคนเก่งและมีความสามารถมากมาย เมื่อไรก็แล้วแต่ที่คุณรู้สึกเขินอายที่จะต้องลุกขึ้นมาทำสิ่งที่แปลกแตกต่างไปจากเดิม ให้บอกกับตัวเองไปเลยค่ะว่า หนึ่ง สอง สาม เอ้า ลุย
3. ความคิดหรือความเชื่อ ความคิดหรือความเชื่อที่ฝังใจก็เป็นอีกข้อหนึ่งที่จะเป็นตัวปิดกั้นความสำเร็จของคุณ ทุกครั้งที่คุณ พูดหรือคิดกับตัวเอง ก็เสมือนเป็นการโปรแกรมตัวเองให้มีความเข้าใจตามนั้น ดังนั้น เราจึงควรพูดกับตัวเองบ่อย ๆ ด้วยคำพูดที่ดี และให้กำลังใจกับตัวเอง เพื่อให้เกิดความฮึกเหิม และเชื่อมั่นว่าเราจะต้องเอาชนะตัวเองและอุปสรรคต่าง ๆ ได้

ปัญหากลิ่นตัวแรง

หลายคนอาจจะเห็นประสบพบ ปัญหานี้ ไม่ว่าจะเป็นจากตัวคุณเอง คนใกล้ตัว หรือ เพื่อนฝูงรอบข้าง วันนี้ทีมงานสนุก! แคมปัส ขออาสาพาไปไขข้อข้องใจกัน…
การมีกลิ่นตัวแรงอาจเนื่องมาจากเหตุ 3 ประการด้วยกัน คือ…
ประการแรก อาจเกิดขึ้นจาการมีสาร บางอย่างที่มีกลิ่นเหม็นนั้นอยู่ในกระแสเลือด โดยสารพวกนี้ได้รับเข้าไปทางอาหารและจะถูกขับออกมาทิ้งโดยทางเหงื่อ ทำให้เกิดกลิ่นตัวได้
ประการที่สอง อาจเกิดจากพวกแบคทีเรียที่มีอยู่ตามผิวหนัง รวมกับเหงื่อ ทำให้เกิดการบูดเน่าและมีกลิ่นเหม็น
ประการที่สาม
เกิดจากการสลายตัวของสารที่ละลายปนออกมากับเหงื่อ ทำให้มีกลิ่นเหงื่อเกิดขึ้น โดยมากจะเกิดขึ้นกับผู้ที่ไม่สนใจที่จะอาบน้ำชำระเหงื่อไคล หรือไม่ค่อยเปลี่ยนเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มอยู่เสมอ
1. ไม่ทานอาหารเช้าหลายคนคิดว่าไม่ทานอาหารเช้า แล้วจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ แต่นี้จะเป็นสาเหตุให้สารอาหารไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ ทำให้สมองเสื่อม
2. กินอาหารมากเกินไป การกินมากเกินไปจะทำให้หลอดเลือดแดงในสมองแข็งตัว เป็นสาเหตุให้เกิดโรคความจำสั้น (เช่น เทพธิดาดิว เป็นต้น)
3. การสูบบุหรี่เป็นสาเหตุให้เป็นโรคสมองฝ่อและเป็นสาเหตุของโรคอัลไซเมอร์
4. ทานของหวานมากเกินไป การกินของหวานมาก จะไปขัดขวางการดูดกลืนโปรตีนและสารอาหารที่เป็นประโยชน์ เป็นสาเหตุของการขาดสารอาหารและขัดขวางการพัฒนาองสมอง
5. มลภาวะสมองเป็นส่วนที่ใช้พลังงานมากที่สุดในร่างกายการสูดเอาอากาศที่เป็นมลภาวะเข้าไปจะทำให้ออกซิเจนในสมองมีน้อยส่งผลให้ประสิทธิภาพของสมองลดลง
6. การอดนอนการนอนหลับจะทำให้สมองได้พักผ่อนการอดนอนเป็นเวลานานจะทำให้เซลล์สมองตายได้ 7. นอนคลุมโปงการนอนคลุมโปง จะเป็นการเพิ่มคาร์บอนไดออกไซด์ให้มากขึ้นและลดออกซิเจนให้น้อยลงส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของสมอง
8. ใช้สมองในขณะที่ไม่สบาย การทำงานหรือเรียนขณะที่กำลังป่วย จะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของสมองลดลงเหมือนกับการทำร้ายสมองไปในตัว
9. ขาดการใช้ความคิด การคิดเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในการฝึกสมองการขาดการใช้ความคิดจะทำให้สมองฝ่อ
10. เป็นคนไม่ค่อยพูด ทักษะทางการพูดจะเป็นตัวแสดงถึงประสิทธิภาพของสมอง

เครื่องดื่มตาม กรุ๊ปเลือด

คนเลือดกรุ๊ปโอ
ส่วนมากจะมีกรดในกระเพาะอาหารสูง สามารถย่อยอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ได้อย่างรวดเร็ว แต่ไม่ควรกินอาหารจำพวกแป้งมากเกินไป เพราะจะย่อยยาก เสี่ยงต่อโรคเบาหวานและโรคอ้วน เครื่องดื่มที่เหมาะกับเลือดกรุ๊ปโอคือ น้ำสับปะรด น้ำลูกพรุน แต่ไม่ควรดื่มน้ำแอปเปิล น้ำส้ม น้ำกะหล่ำปลี
เลือดกรุ๊ปเอ
เรียกว่าตรงข้ามกับกรุ๊ปโอ แทบจะทุกอย่าง เพราะเลือดกรุ๊ปนี้จะมีกรดในกระเพาะอาหารต่ำ จึงเหมาะกับอาหารมังสวิรัติและควรหลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ หากต้องการกินเนื้อจริงๆ ควรบริโภคแค่เนื้อไก่เพราะไม่มีไขมันมาก ที่สำคัญควรหลีกเลี่ยงอาหารจำพวกอาหารสำเร็จรูป เช่น ไส้กรอก แฮม เพราะอาหารจำพวกนี้มีสารดินประสิวที่ไปกระตุ้นให้เกิดมะเร็งในกระเพาะอาหาร
เครื่องดื่มที่เหมาะสมกับคนเลือดกรุ๊ปเอก็คือ น้ำแอปพริคอต น้ำแคร์รอต น้ำเซเลอรี น้ำเกรปฟรุต น้ำสับปะรด น้ำมะนาว เพราะมี วิตามินซีสูง แต่ไม่ควรดื่มน้ำส้ม น้ำมะละกอ และน้ำมะเขือเทศ
เลือดกรุ๊ปบี
เป็นกรุ๊ปเลือดที่สามารถต้านทานโรคมะเร็งและโรคหัวใจได้ แต่ยังมีปัญหาเรื่องภูมิคุ้มกันของร่างกาย จึงควรกินอาหารจำพวกผักใบเขียว ตับ ไข่ นมไขมันต่ำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเผาผลาญ น้ำกะหล่ำปลี น้ำแครนเบอร์รี่ น้ำองุ่น น้ำมะละกอ น้ำสับปะรด เป็นเครื่องดื่มที่เหมาะ แต่ให้ระวังการดื่มน้ำมะเขือเทศ
เลือดกรุ๊ปเอบี
คนเลือดกรุ๊ปนี้ เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งในกระเพาะอาหาร จึงควรรับประทานอาหารที่มีวิตามินซี เช่น บร็อกโคลี่ เชอร์รี่ ส้มโอ เกรปฟรุต กะหล่ำปลี และ ดื่มน้ำแคร์รอต น้ำเซเลอรี น้ำแครนเบอร์รี่ น้ำองุ่น และน้ำมะละกอ เพราะช่วยต้านมะเร็งได้ แต่ไม่ควรดื่มน้ำส้มเพราะทำให้ย่อยยาก

5 เรื่องธรรมดาที่ไม่ธรรมดา

การใช้แปรงสีฟันร่วมกัน
สิ่งที่คุณคิด : ใช้แปรงสีฟันด้ามเดียวกับแฟน ดูโรแมนติกดีจัง
สิ่งที่ถูกต้อง : แบคทีเรียในช่องปากนั้นสะสมอยู่มากมายในแปรงสีฟัน หากใช้ร่วมกัน อาจทำให้ติดโรคภายในช่องปาก หรือโรคติดเชื้อจากแผลในช่องปากด้วย หากวันใดเพื่อนหรือแฟนไม่มีแปรงสีฟันจริงๆ ให้เขาใช้น้ำยาบ้วนปากแทน เพราะน้ำยาบ้วนปากจะช่วยยับยั้งการก่อตัวของเชื้อแบคทีเรีย และทำให้ลมหายใจหอมสดชื่นอีกด้วย
ใช้เครื่องเป่ามือในห้องน้ำสาธารณะ
สิ่งที่คุณคิด : หลังเข้าห้องน้ำแล้วควรล้างมือทุกครั้ง แล้วตบท้ายด้วยการเป่ามือให้แห้ง เพื่อฆ่าเชื้อโรคให้หมดไป
สิ่งที่ถูกต้อง : ขอร้องเลยว่า อย่าทำให้มือแห้งด้วยเครื่องเป่ามือตามที่สาธารณะทั่วไป เพราะท่อส่งอากาศที่ถูกเป่าออกมานั้น เต็มไปด้วยจุลินทรีย์ที่กำลังแพร่ขยายพันธุ์อยู่ ผลที่ได้คือ มือของคุณจะปราศจากแบคทีเรีย แต่จะอุดมไปด้วยเชื้อโรคมากกว่าตอนก่อนล้างมือเสียอีก ดังนั้นควรซับมือด้วยกระดาษชำระ หรือผ้าเช็ดมือแบบใช้ครั้งเดียวเท่านั้น
การนั่งบนชักโครกสาธารณะ
สิ่งที่คุณคิด : ดูแล้วฝารองนั่งก็สะอาดดี นั่งไปเลยก็คงไม่มีปัญหาอะไรหรอก
สิ่งที่ถูกต้อง : เวลาสาวๆนั่งปัสสาวะหรือถ่ายทุกข์แบบหนัก ไม่ว่าจะน้ำปัสสาวะ หรือของเสียอื่นๆ ก็อาจจะมีบางส่วนที่กระเด็นมาสะสมกันอยู่ที่บริเวณโถรองนั่งของชักโครก จนเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคขนาดมหึมา ฉะนั้นก่อนเข้าห้องน้ำสาธารณะทุกครั้ง เช็ดให้สะอาดด้วยกระดาษชำระชุบน้ำ แล้วตามด้วยกระดาษชำระที่แห้งวางทับบนโถรองนั่ง ก่อนปลดทุกข์ทุกครั้ง รับรองว่าวิธีการนี้ได้ผลแน่นอน
การกลั้นจาม
สิ่งที่คุณคิด : ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยก็แค่กลั้นจามเท่านั้น ก็การจามดังๆ ดูไม่มีมารยาท แถมยังอาจถูกมองว่าทำตัวสกปรกอีกด้วย
สิ่งที่ถูกต้อง : คุณรู้ไหมว่าอัตราความเร็วในการจามแต่ละครั้งนั้นสูงถึง 160 กม./ชม.ทีเดียว ดังนั้นการยื้อหรือกลั้นไม่ให้จามนั้นจะก่อให้เกิดแรงอัดอากาศภายใน อาจส่งผลทำให้เยื่อแก้วหูแตกหรือเป็นรูได้
กินยาแก้ปวดทุกครั้งที่ปวดศีรษะ
สิ่งที่คุณคิด : ก็ปวดหัวนี่นา ถ้าไม่กินยาแก้ปวด แล้วจะหายปวดหัวได้อย่างไร
สิ่งที่ถูกต้อง : การรับประทานยาแก้ปวดหัวบ่อยๆ และเป็นเวลานานจะมีผลทำให้ตัวยาสะสมและอาจกัดจนเป็นแผลในช่องท้อง หรือมีผลให้ตับทำงานหนักจนเกิดผลเสียกับตับได้ หนทางแก้ไขก็คือ เมื่อมีอาการปวดศีรษะ ให้พยายามดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว หรือถ้าปวดศีรษะเนื่องจากนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ ก็ให้พักสายตาชั่วโมงละ 5 นาที ช่วงทานข้าวกลางวันก็ออกไปเดินเล่นเสียหน่อยเพื่อเป็นการพักผ่อนสายตาไปในตัว
ภัยจากรอยสัก
หลายคนชื่นชอบการสักบนร่างกาย เพราะเห็นว่าเป็นศิลปะที่สวยงาม บางคนก็เชื่อในเรื่องความอยู่ยงคงกระพัน แต่ไม่ว่าจะสักด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม มีคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์อยู่ว่าจะก่อให้เกิดผลสืบเนื่องกับร่างกายอย่างไร?
ถ้าลองตัดความเชื่อและความนิยมศิลปะออกไปเสียก่อน มองจากมุมมองของการแพทย์โดยเฉพาะ เราจะพบว่าการสักก่อให้เกิดผลได้หลายอย่าง ผลเฉพาะด้านที่ว่านี้มักออกมาในรูปการแพ้รอยสัก ซึ่งเกิดในคนไข้หลายคน การแพ้อาจจะเป็นเฉพาะในช่วงแรกก็ได้ หรือจนเวลาผ่านไปหลายๆ ปีแล้วถึงแพ้ก็ได้ อาการทั่วไปคือจะเกิดผื่นรอบบริเวณที่สัก หรือว่าถ้าเวลาผ่านไปหลายๆ ปี อาจจะทำให้เกิดเป็นก้อนในบริเวณรอยสักขึ้นมา
ผลอีกอย่างหนึ่งจากการสัก คืออาการติดเชื้อ ซึ่งมักจะเกิดจากการใช้เข็มหรืออุปกรณ์ที่ไม่สะอาด ถ้าจำเป็นต้องสักอย่างเหลือเกิน ก็อย่าลืมเรื่องความสะอาดของเครื่องมือที่ใช้ เพราะการติดต่อโดยการใช้เข็มหรือว่าเครื่องมือนั้น เป็นสิ่งที่เราป้องกันได้ ถ้าใช้เข็มหรือเครื่องมือที่สะอาด ก็อาจจะช่วยลดความเสี่ยงจากอาการอันเกิดจากการสักได้บ้าง

วันเสาร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2553

คำขวัญ 77 จังหวัด

คำขวัญกรุงเทพมหานคร (กทม.)
"ช่วยชุมชนแออัด ขจัดมลพิษ แก้ปัญหารถติด ทุกชีวิตรื่นรมย์"

คำขวัญ จังหวัดกำแพงเพชร (กพ.)
"กรุพระเครื่อง เมืองคนแกร่ง ศิลาแลงใหญ่ กล้วยไข่หวาน น้ำมันลานกระบือ"

คำขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี (กจ.)
"แคว้นโบราณ ด่านเจดีย์ มณีเมืองกาญจน์ สะพานข้ามแม่น้ำแคว แหล่งแร่น้ำตก"

คำขวัญ จังหวัดกาฬสินธุ์ (กส.)
"เมืองฟ้าแดนยาง โปงลางเลิศล้ำ วัฒนธรรมภูไท ผ้าไหมแพรวา ผาเสวยภูพาน มหาธารลำปาว
ไดโนเสาร์สัตว์โลกล้านปี"

คำขวัญ จังหวัดขอนแก่น (ขก.)
"พระธาตุขามแก่น เสียงแคนดอกคูน ศูนย์รวมผ้าไหม ร่วมใจผูกเสี่ยว เที่ยวขอนแก่นนครใหญ่
ไดโนเสาร์ลือก้อง เหรียญทองมวยโอลิมปิก"

คำขวัญ จังหวัดจันทบุรี (จบ.)
"น้ำตกลือเลื่อง เมืองผลไม้ พริกไทยพันธุ์ดี อัญมณีมากเหลือ เสื่อจันทบูร สมบรูณ์ธรรมชาติ
สมเด็จพระเจ้าตากสิน**้ชาติ รวมญาติที่จันทบุรี"

คำขวัญ จังหวัดฉะเชิงเทรา (ฉช.)
"เมืองธรรมะ พระศักดิ์สิทธิ์ ชิดเมืองหลวง มะม่วงหวาน ข้าวสารขาว มะพร้าวน้ำหอม"

คำขวัญ จังหวัดเชียงราย (ชร.)
"เหนือสุดในสยาม ชายแดนสามแผ่นดิน ถิ่นวัฒนธรรมล้านนา ล้ำค่าพระธาตุดอยตุง ..."

คำขวัญ จังหวัดชุมพร (ชพ.)
"ประตูภาคใต้ ไหว้เสด็จในกรมฯ ชมไร่กาแฟ แลหาดทรายรี ดีกล้วยเล็บมือ ขึ้นชื่อรังนก"

คำขวัญ จังหวัดชลบุรี (ชบ.)
"ทะเลงาม ข้าวหลามอร่อย อ้อยหวาน จักสานดี ประเพณีวิ่งควาย"

คำขวัญ จังหวัดชัยภูมิ (ชย.)
"ชัยภูมิทิวทัศน์สวย รวยป่าใหญ่ มีช้างหลาย ดอกไม้งาม ลือนามวีรบุรุษ สุดยอดผ้าไหม พระใหญ่ทราวดี"

คำขวัญจังหวัดบึงกาฬ(บก.)
"สองนางศาลศักดิ์สิทธ์ อิทธิฤทธิ์หลวงพ่อใหญ่ แหล่งน้ำใสหนองกุดทิง สุดใหญ่ยิ่งแข่งเรือยาว
หาดทรายขาวเป็นสง่า น่าทัศนาแก่งอาฮง งามน้ำโขงที่บึงกาฬ สุขสำราญที่ได้ยล "

คำขวัญ จังหวัดปทุมธานี (ปท.)
"ถิ่นบัวหลวง เมืองรวงข้าว เชื้อชาวมอญ นครธรรมะ"

คำขวัญ จังหวัดประจวบศีรีขันธ์ (ปข.)
"เมืองทองเนื้อเก้า มะพร้าว สัปรด สวยสดหาด เขา ถ้ำ งามล้ำน้ำใจ"

คำขวัญ จังหวัดชัยนาท (ชน.)
"หลวงปู่ศุขลือชา เขื่อนเจ้าพระยาลือชื่อ นามระบ์อสวนนก ส้มโอดกขาวแตงกวา"

คำขวัญ จังหวัดนนทบุรี (นบ.)
"พระตำหนักสง่างาม ลือนามสวนสมเด็จ เกาะเกล็ดแหล่งดินเผา วัดเกาะนามระบือ เลื่องลือทุเรียนนท์
งามน่ายลศูนย์ราชการ"

คำขวัญ จังหวัดนครปฐม (นฐ.)
"ส้มโอหวาน ข้าวสารขาว ลูกสาวงาม ข้าวหลามหวานมัน สนามจันทร์งามล้น พุทธมณฑลคู่ธานี
พระปฐมเจดีย์เสียดฟ้า สวยงามตาแม่น้ำท่าจีน"

คำขวัญ จังหวัดนครนายก (นย.)
"เมืองในฝันที่ใกล้กรุง ภูเขางาม น้ำตกสวย รวยธรรมชาติ ปราศจากมลพิษ"

คำขวัญ จังหวัดสระแก้ว (สก.)
"ชายแดนเบื้องบูรพา ป่างาม น้ำตกสวย มากด้วยอารยธรรมโบราณ ย่านการค้าไทย-เขมร"

คำขวัญ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (พย.)
"ราชธานีเก่า อู่ข้าวอู่น้ำ เลิศล้ำกานท์กวี คนดีศรีอยุธยา"

คำขวัญ จังหวัดสมุทรปราการ (สป.)
"ป้อมยุทธนาวี พระเจดีย์กลางน้ำ ฟาร์มจระเข้ใหญ่ งามวิไลเมืองโบราณ สงกรานต์พระประแดง
ปลาสลิดแห้งรสดี ประเพณีรับบัว ครบถ้วนทั่วอุตสาหกรรม"

คำขวัญ จังหวัดสมุทรสาคร (สค.)
"เมืองประมง ดงโรงงาน ลานเกษตร เขตประวัติศาสตร์"

คำขวัญ จังหวัดสมุทรสงคราม (สส.)
"ดอนหอยหลอด ยอดลิ้นจี่ มีอุทยาน ร.2 แม่กลองไหลผ่าน นมัสการหลวงพ่อบ้านแหลม"

คำขวัญ จังหวัดสระบุรี (สบ.)
"พระพุทธบาทลือนาม แหล่งน้ำอุดม นมเนื้อมากมาย หลากหลายโรงงาน ถิ่นข้าวพันธุ์ดี
มีมะม่วงรสเลิศ งามบรรเจิดธรรมชาติ"

คำขวัญ จังหวัดราชบุรี (รบ.)
"คนสวยโพธาราม คนงามบ้านโป่ง เมืองโอ่งมังกร วัดขนอนหนังใหญ่ ตื่นใจถ้ำงาม ตลาดน้ำดำเนิน
เพลินค้างคาวร้อยล้าน ย่านยี่สกปลาดี"

คำขวัญ จังหวัดลพบุรี (ลบ.)
"วังนารายณ์คู่บ้าน ศาลพระกาฬคู่เมือง ปรางค์สามยอดลือเลื่อง เมืองแห่งดินสอพอง
เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เกริกก้องแผ่นดินทอง สมเด็จพระนารายณ์"

คำขวัญ จังหวัดสิงห์บุรี (สห.)
"ถิ่นวีรชนคนกล้า คู่หล้าพระนอน นามกระฉ่อนปลาแม่ลา ย่านการค้าภาคกลาง"

คำขวัญ จังหวัดสุพรรณบุรี (สพ.)
"เมืองยุทธหัตถี วรรณคดีขึ้นชื่อ เลื่องลือพระเครื่อง รุ่งเรืองเกษตรกรรม สูงล้ำประวัติศาสตร์
แหล่งปราชญ์ศิลปิน ภาษาถิ่นชวนฟัง"

คำขวัญ จังหวัดปราจีนบุรี (ปจ.)
"ศรีมหาโพธิ์คู่บ้าน ไผ่ตงหวานคู่เมืง ผลไม้ลือเลื่อง เขตเมืองทวาราวดี"

คำขวัญ จังหวัดเพชรบุรี (พบ.)
"เขาวังคู่บ้าน ขมนหวาน เมืองพระ เลิศล้ำศิลปะ แดนธรรม ทะเลงาม"

คำขวัญ จังหวัดอุทัยธานี (อน.)
"อุทัยธานีเมืองพระชนกจักรี ปลา**รสดี ประเพณีเทโว ส้มโอบ้านน้ำตก มรดกห้วยขาแข้ง
แหล่งต้นน้ำ สะแกกรัง ตลาดนัดดังโคกระบือ"

คำขวัญ จังหวัดนครสวรรค์ (นว.)
"เมืองสี่แคว แห่มังกร พักผ่อนบึงบอระเพ็ด ปลารสเด็ดปากน้ำโพ"

คำขวัญ จังหวัดพิจิตร (พจ.)
"เมืองชาละวัน แข่งขันเรือยาว ข้าวเจ้าอร่อย ส้มท่าข่อยรสเด็ด หลวงพ่อเพรชรวมใจ
บึงสีไฟลือเลื่อง ยอดพระเครื่องหลวงพ่อเงิน"

คำขวัญ จังหวัดพิษณุโลก (พล.)
"พระพุทธชินราชงามเลิศ ถิ่นกำเนิดพระนเรศวร สองฝั่งน่านล้วนเรือนแพ หวานฉ่ำแท้กล้วยตาก
ถ้ำและน้ำตกหลากตระการตา"

คำขวัญ จังหวัดตาก (ตก.)
"ธรรมชาติน่ายล ภูมิพลเขื่อนใหญ่ พระเจ้าตากเกรียงไกร เมืองไม้และป่างาม"

คำขวัญ จังหวัดสุโขทัย (สท.)
"มรดกโลกล้ำเลิศ กำเนิดลายสือไทย เล่นไฟลอยกระทง ดำรงพุทธศาสนา งามตาผ้าจก
สังคโลกทองโบราณ สักการะแม่ย่าพ่อขุน รุ่งอรุณแห่งความสุข"

คำขวัญ จังหวัดอุตรดิตถ์ (อต.)
"เหล็กน้ำพี้ลือเลื่อง เมืองลางสาดหวาน บ้านพระยาพิชัยดาบหัก ถิ่นสักใหญ่ของโลก"

คำขวัญ จังหวัดแพร่ (พร.)
"ม่อฮ่อม ไม่สัก ถิ่นรักพระลอ พระธาตุช่อแฮศรีเมือง ลือเลื่องแพะเมืองผี คนแพร่มีน้ำใจงาม"

คำขวัญ จังหวัดเพชรบรูณ์ (พช.)
"เมืองมะขามหวาน อุทยานน้ำหนาว ศรีเทพเมืองเก่า เขาค้ออนุสรณ์ นครพ่อขุนผาเมือง"

คำขวัญ จังหวัดลำปาง (ลป.)
"ถ่านหินลือชา รถม้าลือลั่น เครื่องปั้นลือนาม งามพระธาตุลือไกล ฝึกช้างใช้ลือโลก"

คำขวัญ จังหวัดน่าน (นน.)
"แข่งเรือลือเลื่อง เมืองงาช้างดำ จิตรกรรมวัดภูมินทร์ แดนดินส้มสีทอง เรืองรองพระธาตุแช่แห้ง"

คำขวัญ จังหวัดลำพูน (ลพ.)
"พระธาตุเด่น พระรอดขลัง ลำใยดัง กระเทียมดี ประเพณีงาม จามเทวี ศรีหริภุญไชย"

คำขวัญ จังหวัดเชียงใหม่ (ชม.)
"ดอยสุเทพเป็นศรี ประเพณีเป็นสง่า บุปผาชาติล้วนงามตา งามล้ำค่านครพิงค์"

คำขวัญ จังหวัดพะเยา (พย.)
"กว๊านพะเยาแหล่งชีวิต ศักดิ์สิทธิ์พระเจ้าตนหลวง บวงสรวงพ่อขุนงำเมือง งามลือเลื่องดอยบุษราคัม"

คำขวัญ จังหวัดแม่ฮ่องสอน (มส.)
"หมอกสามฤดู กองมูเสียดฟ้า ป่าเขียวขจี ผู้คนดี ประเพณีงาม ลือนามถิ่นบัวตอง"

คำขวัญ จังหวัดระยอง (รย.)
"ผลไม้รสล้ำ อุตสาหกรรมก้าวหน้า น้ำปลารสเด็ด เกาะเสม็ดสวยหรู สุนทรภู่กวีเอก"

คำขวัญ จังหวัดตราด (ตร.)
"เมืองเกาะครึ่งร้อย พลอยแดงค่าล้ำ ระกำแสนหวาน หลังอานหมาดี ยุทธนาวีเกาะช้าง สุดทางบูรพา"

คำขวัญ จังหวัดนครราชสีมา (นม.)
"เมืองหญิงกล้า ผ้าไหมดี หมี่โคราช ปราสาทหิน ดินด่านเกวียน"

คำขวัญ จังหวัดบุรีรัมย์ (บร.)
"เมืองปราสาทหิน ถิ่นภูเขาไฟ ผ้าไหมสวย รวยวัฒนธรรม"

คำขวัญ จังหวัดมหาสารคาม (มค.)
"พุทธมณฑลอีสาน ถิ่นฐานอารยธรรม ผ้าไหมล้ำเลอค่า ตักศิลานคร"

คำขวัญ จังหวัดร้อยเอ็ด (รอ.)
"ร้อยเอ็ดเพชรอีสาน พลาญชัยบึงงาม เรืองนามพระสูงใหญ่ ผ้าไหมชั้นดี สตรีโสภา
ทุ่งกุลาสดใส งานใหญ่บุญผะเหวด"

คำขวัญ จังหวัดยโสธร (ยส.)
"เมืองประชาธิปไตย บั้งไฟโก้ แตงโมหวาน หมอนขวาน ผ้าขิด แหล่งผลิตข้าวหอมมะลิ"

คำขวัญ จังหวัดศรีสะเกษ (ศก.)
"ศรีสะเกษแดนปราสาทขอม หอมกระเทียมดี มีสวนสมเด็จ เขตดงลำดวน
หลากล้วนวัฒนธรรม เลิศล้ำสามัคคี"

คำขวัญ จังหวัดสุรินทร์ (สร.)
"สุรินทร์ถิ่นช้างใหญ่ ผ้าไหมงาม ประคำสวย ร่ำรวยปราสาท ผักกาดหวาน
ข้าวสารหอม งามพร้อมวัฒนธรรม"

คำขวัญ จังหวัดมุกดาหาร (มห.)
"เมืองชายโขงงาม มะขามหวานเลิศ ถิ่นกำเนิดลำพญา ภูผาเทิบพิสดาร กลองโบราณล้ำค่า
วัฒนธรรมไทยแปดเผ่า"

คำขวัญ จังหวัดสกลนคร (สน.)
"พระธาตุเชิงชุมคู่บ้าน พระตำหนักภูพานคู่เมือง งามลือเลื่องหนองหาร แลตระการปราสาทผึ้ง
สวยสุดซึ้งสาวภูไท ถิ่นมั่นในพุทธธรรม"

คำขวัญ จังหวัดหนองบัวลำภู (นภ.)
"ศาลสมเด็จพระนเรศวร อุทยานแห่งชาติภูเก้า-ภูพานคำ แผ่นดินธรรมหลวงปู่ขาว
เด่นสกาวถ้ำเอราวัณ นครเขื่อนขันธ์ กาบแก้วบัวบาน"

คำขวัญ จังหวัดเลย (ลย.)
"เมืองแห่งทะเลภูเขา สุดหนาวในสยาม ดอกไม้งามสามฤดู"

คำขวัญ จังหวัดหนองคาย (นค.)
"วีรกรรมปราบฮ่อ หลวงพ่อพระใส สะพานไทย-ลาว"

คำขวัญ จังหวัดนครพนม (นพ.)
"พระธาตุพนมล้ำค่า วัฒนธรรมหลากหลาย เรณูภูไท เรือไฟโสภา งามตาสองฝั่งโขง"

คำขวัญ จังหวัดระนอง (รน.)
"คอคอดกระ ภูเขาหญ้า กาหยูหวาน ธารน้ำแร่ มุกแท้เมืองระนอง"

คำขวัญ จังหวัดสุราษฎร์ธานี (สฎ.)
"เมืองร้อยเกาะ เงาะอร่อย หอยใหญ่ ไข่แดง แหล่งธรรมะ"

คำขวัญ จังหวัดนครศรีธรรมราช (นศ.)
"เราชาวนคร อยู่เมืองพระ มั่นอยู่ในสัจจะศีลธรรม กอรปกรรมดี มีมานะพากเพียร
ไม่เบียดเบียน ทำอันตรายผู้ใด"

คำขวัญ จังหวัดพังงา (พง.)
"แร่หมื่นล้าน บ้านกลางน้ำ ถ้ำงามตา ภูผาแปลก แมกไม้จำปูน บริบรูณ์ด้วยทรัพยากร"

คำขวัญ จังหวัดพัทลุง (พท.)
"เมืองหนังโนราห์ อู่นาข้าว พราวน้ำตก แหล่งนกน้ำ ทะเลสาปงาม เขาอกทะลุ น้ำพุร้อน"

คำขวัญ จังหวัดภูเก็ต (ภก.)
"ไข่มุกอันดามัน สวรรค์เมืองใต้ หาดทรายสีทอง สองวีรสตรี บารมีหลวงพ่อแช่ม"

คำขวัญ จังหวัดตรัง (ตง.)
"เมืองพระยารัษฎา ปวงประชาใจกว้าง หมูย่างรสเลิศ ถิ่นกำเนิดยางพารา เด่นสง่าดอกศรีตรัง
ปะการังใต้ทะเล เสน่ห์หาดทรายงาม น้ำตกสวยตระการตา"

คำขวัญ จังหวัดสงขลา (สข.)
"นกน้ำเพลินตา สมิหราเพลินใจ เมืองใหญ่สองทะเล เสน่ห์สะพานป๋า ศูนย์การค้าแดนใต้"

คำขวัญ จังหวัดสตูล (สต.)
"สตูล สงบ สะอาด ธรรมชาติบริสุทธิ์"

คำขวัญ จังหวัดปัตตานี (ปต.)
"บูดูสะอาด หาดทรายสวย รวยน้ำตก นกเขาดี ลูกหยีอร่อย หอยแครงสด"

คำขวัญ จังหวัดยะลา (ยล.)
"ใต้สุดสยาม เมืองงามชายแดน"

คำขวัญ จังหวัดนราธิวาส (นธ.)
ทักษิณราชตำหนัก ชนรักศาสนา นราทัศน์เพลินตา บาโจตรึงใจ แหล่งใหญ่แร่ทอง ลองกองหอมหวาน"

คำขวัญ จังหวัดอ่างทอง (อท.)
"พระสมเด็จเกศไชโย หลวงพ่อโตองค์ใหญ่ วีรชนใจกล้า ตุ๊กตาชาววัง โด่งดังจักสาน
ถิ่นฐานทำกลอง เมืองสองพระนอน"

คำขวัญ จังหวัดอำนาจเจริญ (อจ.)
"พระมงคลมิ่งเมือง แหล่งรุ่ง เรืองเจ็ดลุ่มน้ำ งามล้ำถ้ำศักดิ์สิทธิ์ เทพนิมิตรพระเหลา
เกาะแก่งเขาแสนสวย เลอค่าด้วยผ้าไหม ราษฎร์เสื่อมใสใฝ่ธรรม"

คำขวัญ จังหวัดอุดรธานี (อด.)
"น้ำตกจากสันภูพาน อุทยานแห่งธรรมะ อารยธรรมห้าพันปี ธานีผ้าหมี่ขิด แดนเนรมิตรหนองประจักษ์
เลิศลักษณ์กล้วยไม้หอม อุดรซันไฌน์"

คำขวัญ จังหวัดอุบลราชธานี (อบ.)
"เมืองดอกบัวงาม แม่น้ำสองสี มีปลาแซบหลาย หาดทรายแก่งหิน ถิ่นไทยนักปราชญ์ ทวยราษฎร์ใฝ่ธรรม งามล้ำเทียนพรรษา ผาแต้มก่อนประวัติศาสตร์"

วันจันทร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

วิธีรักษาโรคง่ายๆ

1. ปวดหัว ให้หาผักคะน้าหรือปวยเล้ง (แมกนีเซียม) กินวันละ ๕ ขีดและกินปลาทูอีกวันละ ๒
ตัว(น้ำมันปลาลดการอักเสบได้) หรือจะชงโกโก้กินหน่อยก็ช่วยได้ค่ะ
2. เป็นหวัด ไอ จามบ่อย ให้หมั่นแปรงลิ้นและกินกระเทียม, หอม, พริกให้มากเข้าไว้
3. แพ้ฝุ่นละออง ไรฝุ่น หาโยเกิร์ตแบบรสธรรมชาติและนมเปรี้ยวไม่หวานจัดมากิน
4. ไขมันในเลือดสูง แทนที่จะหายามากินให้ปวดหัวตับพังก็หากระเทียมสดมากินสักวันละ๑๐ กลีบ
กับกินหอมหัวใหญ่สดวันละครึ่งหัว
5. ไขข้ออักเสบ หาปลาเนื้อมันกินวันละ ๒ ขีด เช่นปลาทู, ปลาสวาย, ปลาแซลม่อน, ปลาซาร์ดีน, ปลาทูน่าหรือแม้แต่ปลากระป๋อง
6. กระเพาะปัสสาวะอักเสบบ่อย ให้กินน้ำกระเจี๊ยบไม่หวานจัดวันละ ๓ มื้อ หรือน้ำแครนเบอรี่ของฝรั่งในปริมาณเท่ากัน ( เปรี้ยวจัดมาก)
7. ท้องอืด แก๊สมาก ให้กินกล้วยหักมุกปิ้งหรือขิงบ่อย ๆ
8. โรคหืดหอบ ไอเรื้อรัง กินต้มยำไก่, กินหัวหอมใหญ่, หอมแดง, ต้นหอมและเอาหอมซุกไว้ใต้หมอน
9. นอนไม่หลับ ตักน้ำผึ้งกินก่อนนอนสักวันละ ๒ ช้อนโต๊ะ ถ้าหาน้ำผึ้งไม่ได้ใช้น้ำตาลทราย ๒ ช้อนโต๊ะแทน ถ้าอยากให้หลับสบายเพิ่มเติมขี้เหล็กและมะรุมเข้าไปหน่อย
10. วัยทอง วูบวาบ อารมณ์ปรวน ให้กินปลาทูน่าให้มากและกินเต้าหู้เหลืองวันละ ๑ แผ่น ถ้ากินเต้าหู้แล้วเบื่อให้สลับกับถั่วลิสงวันละ ๑ กำมือก็ได้
11. ความดันสูง ต้องตัดบุหรี่และอาหารเค็ม ลองหาข้าวโอ๊ตไม่ขัดสีมากินและผักขึ้นฉ่ายสดหรือปั่นก็ได้ จะช่วยคุมความดันให้ดีขึ้น
12. มะเร็งปอดทางเดินหายใจ ให้กินเสาวรส ฝรั่ง ส้ม มะนาว มะขามป้อม มะละกอ มะม่วง ให้มาก เพราะวิตามินซีช่วยสมานหลอดเลือดในปอดได้ดี แต่ต้องระวังวิตามินเอโดยเฉพาะผู่ที่ยังสูบบุหรี่อยู่
13. มะเร็งเต้านม ให้กินบร็อคโคลีหรือคะน้าวันละ ๕ ขีด
14. ความจำไม่ดี ให้กินปลาทูวันละ ๒ ขีด หอยแครงและหอยนางรมซึ่งมีธาตุสังกะสีช่วยสมองได้
15. เวียนหัว คลื่นไส้ง่าย ให้หาอาหารทำจากขิงรับประทาน เช่น ปลาผัดขิง ไก่ผัดขิง, น้ำขิง, ชาขิงหรือเต้าฮวย
16. ท้องผูก ชงน้ำผึ้งดื่มวันละ ๓ ช้อนโต๊ะและให้กินน้ำมะขามต้มติดเนื้อมาก เช้า เย็น
17. โรคกระเพาะอาหาร หากล้วยหักมุกปิ้งกิน, กินกล้วยหรือกินผักกระ หล่ำปลีให้มาก
18. หงุดหงิดง่าย ให้กินอาหารร่าเริง คือ ข้าวเ หนียวดำ ข้าวโพด กลอย กล้วยหอมและปลาทู
19. กระดูกพรุน ให้กินงาดำวันละ ๔ ช้อนโต๊ะ (ได้แคลเซียมเท่ากับเม็ดใหญ่) มะม่วงจิ้มกะปิและสับปะรดซึ่งมีธาตุสมานกระดูดอยู่มาก ( แมงกานีส)
20. ท้องเสีย ลำไส้แปรปรวน กินแอปเปิ้ลเขียววันละ ๑-๒ ผล หรือน้ำแอปเปิ้ลเขียวปั่นทั้งกาก จะเป็นการล้างพิษในตัวด้วย
21. เจ็บอก โรคหัวใจ หลอดเลือดตีบ กินปลาทะเล น้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิน ผลอโวคาโดเพราะเหล่านี้มีไขมันดีไปช่วยขับตะกรันน้ำมันเก่าออก ถ้าชอบดื่มชาให้หาชาเขียวสดมาชงดื่มเองวันละถ้วย

22. เบาหวาน ถามหา ให้เลี่ยงแป้งกับน้ำตาลและกินผักเขียวจัดอย่างคะน้า บร็อคโคลี ผักโขมให้มาก ถ้าอยากหวานให้กินส้ม
โอและฝรั่งเพราะมีน้ำตาลอยู่น้อยมาก

วันพฤหัสบดีที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

14...ที่สุดในชีวิต
1. ศัตรูที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดในชีวิตเรา คือ ตัวเราเอง
2. ความล้มเหลวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเรา คือ ความอวดดี
3. การกระทำที่โง่เขลาที่สุดในชีวิตเรา คือ การหลอกลวง
4. สิ่งที่แสนสาหัสที่สุดในชีวิตเรา คือ ความอิจฉาริษยา
5. ความผิดพลาดมหันต์ที่สุดในชีวิตเรา คือ การยอมแพ้ตนเอง
6. สิ่งที่เป็นอกุศลที่สุดในชีวิตเรา คือ การหลอกตัวเอง
7. สิ่งที่น่าสังเวชที่สุดในชีวิตเรา คือ การถดถอยของตัวเอง
8. สิ่งที่น่าสรรเสริญที่สุดในชีวิตเรา คือ ความอุตสาหะวิริยะ
9. ความล้มละลายที่สุดในชีวิตเรา คือ ความสิ้นหวัง
10. ทรัพย์สมบัติที่มีค่าที่สุดในชีวิตเรา คือ สุขภาพที่สมบูรณ์
11. หนี้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเรา คือ หนี้บุญคุณ
12. ของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเรา คือ การให้อภัยและความเมตตา
13. ข้อบกพร่องที่ใหญ่หลวงที่สุดในชีวิตเรา คือ การมองโลกในแง่ร้ายและไร้เหตุผล
14. สิ่งที่ทำให้อิ่มอกอิ่มใจมากที่สุด คือ การให้ทาน

ยิ่งนอนดึก ยิ่งเร่งวันตาย
การนอนดึกเป็นเหตุให้อายุสั้น เท่ากับเร่งวันตายให้ตัวเอง การทำงานดึกทำให้ร่างกายล้า เหมือนกับเครื่องยนต์ ไม่ช้าเครื่องก็พัง ผู้ที่มีหน้าที่บริหารงาน มักจะพบปัญหานี้กันมาก เพราะต้องเร่งงาน
ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับคนนอนดึก
1. ร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ เกิดอาการล้า
2. ระบบร่างกายจะรวน ดังนี้
2.1 ระบบการย่อยอาหาร ท้องอืด ท้องเฟ้อง่าย อาหารย่อยไม่ดี ทำให้อุจจาระหยาบ คืออาหารที่ทานเข้าไป ถ้าไม่นอนดึก อุจจาระจะสวย ไม่มีเศษอาหารติดอยู่ เหมือนกับแท่งทอง แต่ถ้าอดนอนแล้วอุจจาระจะหยาบ จะมีเศษอะไรต่างๆ ติดอยู่ เหมือนกับรถที่มีเขม่าติด เกิดจากการที่ร่างกายย่อยไม่หมด เพราะล้า
แนวทางแก้ไข ให้ลดอาหารประเภทเนื้อสัตว์ อาหารเหนียวๆ มิฉะนั้นลำไส้ทำงานหนัก ยิ่งนอนดึก แม้เราหลับไปแล้ว แต่ลำไส้ไม่หลับ ยังคงย่อยอยู่ต่อไป พอตื่นขึ้นมาก็เพลีย ให้ทานไข่ นม แทนพวกเนื้อสัตว์ ก็จะพอถูไถไปได้ มิฉะนั้นท้องจะผูกเป็นประจำ ริดสีดวงทวารจะถามหา (ถ้าหากอ้วนก็ให้ทานนม แทนไข่)
2.2. ผูกเหลว คือ อาการถ่ายอุจจาระไม่หมด ยังค้างอยู่ แต่ลำไส้ล้า กระเพาะอาหารล้า ทำให้ไม่มีแรงบีบให้ออกจนหมด ดังนั้นในวันหนึ่งๆ จึงต้องถ่ายหลายครั้ง โรคที่จะตามมาก็คือ ผื่นคันบริเวณขาหนีบ (ไม่ใช่เพราะความ สกปรกหมักหมม) จะคันทั้งวัน ปกติอุจจาระจะกึ่งแข็งกึ่งเหลว ถ้าแข็งแสดงว่าส่วนที่เป็นน้ำได้ซึมกลับเข้ามาในลำไส้ ซึ่งมันเป็นของเสียที่ต้องขับออก ผลก็คือทำให้น้ำเหลืองเสีย ก็จะมาประทุบริเวณเนื้ออ่อนๆ เช่นที่ขาหนีบ สาเหตุก็มาจาก ท้องผูกนั่นเอง เพราะฉะนั้น อย่านอนดึก ถ้าต้องดึกก็ให้ออกกำลังหน้าท้อง ให้ท้องเกิดกำลัง จะได้รีดอุจจาระออกมาได้เร็ว ทานเสร็จแล้วอย่านอน ให้เดินสักครึ่งชั่วโมง เพราะพอขาได้เดิน ลำไส้มันก็ต้องไปกับขาด้วย จะช่วยทำให้ย่อยได้ดีขึ้น ท้องจะผูกน้อยลง ผื่นคันก็จะหาย ถ้ายังไม่หาย (เนื่องจากอายุมาก) ให้ทานน้ำขิงสด (ไม่ใช่ขิงผง เป็นซองๆ) พวกที่นอนดึกต้องให้ท้องอุ่นมากๆ ให้หาผ้ามาห่ม เดี๋ยวท้องจะอืด เฟ้อ บางทีต้องให้เท้าอุ่นด้วย ให้หาถุงเท้ามาใส่ มิฉะนั้นเท้าจะชา
2.3 ระบบปัสสาวะ ถ้านอนไม่ดึก ประมาณ 3-4 ทุ่ม พอตื่นเช้าขึ้นมาจะปัสสาวะครั้งเดียวจบ แต่ถ้านอนดึก ยิ่งนอนตีหนึ่ง กลางดึกจะต้องลุกเข้าห้องน้ำถี่ เพราะร่างกาย ต้องการน้ำมาก กล้ามเนื้อข้างในจะบีบคั้นเอาพลังงานออกมาใช้ จึงต้องใช้น้ำมาก ผลก็คือปัสสาวะบ่อย ทำให้พวกเกลือแร่ที่อยู่ในร่างกายจะถูกขับออกมาพร้อมกับปัสสาวะด้วย ยิ่งอายุ 35 ขึ้นไปจะยิ่งแย่
แนวทางแก้ไข ให้ทานแคลเซี่ยมเม็ดได้ แต่อย่ามาก แค่ 1 เม็ดก็พอ ถ้าทานมากจะทำให้แคลเซี่ยมพอก คืออาการที่กระดูกงอกทับเส้นประสาท (ถ้าเป็นแล้วต้องให้คนนวด และทานยาละลายแคลเซี่ยมช่วย) ถ้าไม่ทานแคลเซี่ยมชดเชย จะทำให้เลือดจาง เม็ดโลหิตจาง สรุปแล้ว การอดนอน เท่ากับเร่งวันตายให้ตัวเอง การนอนดึกต้องดื่มน้ำให้มาก และเติมเกลือในน้ำด้วย คือพอเราดื่มแล้วมันออกมาหมดทั้งทางปัสสาวะและเหงื่อ เราทานเกลือมากๆ ยังออกทางเหงื่อได้ แต่ถ้าทานแคลเซี่ยมมากทำให้กระดูกงอก ส่วนโค้ก เป๊ปซี่ กระทิงแดง อย่าทาน พอเราอยู่ดึกและกลั้นปัสสาวะ มันจะซึมกลับเข้าเส้นเลือด ทำให้น้ำเหลืองเสีย ก็จะไปประทุที่ขาหนีบ หรือท้องแขนเป็นเม็ดแดงๆ เป็นจ้ำขึ้นทั่วเลย บางคนไม่กลั้น แต่ดื่มน้ำน้อย อาการก็จะเหมือนกับการโม่แป้งฝืดๆ ลำไส้บีบตัวไม่ไหว ต้องเค้น ก็จะเพลีย แต่ถ้าดื่มน้ำมาก ทำให้ถ่ายสบาย ถ้าดื่มน้ำน้อยจะทำให้กรดยูเรียเข้มข้น พอเรากลั้นปัสสาวะมันก็จะซึมเข้าเส้นเลือด ทำให้น้ำเหลืองเสีย ถ้ากลั้นบ่อยๆ จะทำให้ปัสสาวะไม่หมด
2.4 ระบบเหงื่อ คนที่ไม่มีเหงื่อออก จะแย่ ถ้าขับเหงื่อให้ออกได้ร่างกายสบาย ถ้าเหงื่อไม่ออกความร้อนภายในร่างกายจะระบายไม่ได้ ทำให้อึดอัด ของเสียในร่างกายก็ออกไม่ได้ โรคผิวหนังจะถามหา สิวฝ้าจะขึ้น เพราะฉะนั้น ดื่มน้ำให้มากพอและออกกำลังกาย เท่านั้นพอ เอาจนเหงื่อออกให้ได้ คนนอนดึกเหงื่อจะไม่ค่อยออก ของเสียตกใน สิวฝ้าขึ้น มันก็จะไปออกทางปัสสาวะแทน ไตเลยทำงานหนัก
2.5 ระบบหายใจ ระบบหายใจจะเสียตามมา ร่างกายจะเอาออกซิเจนไปแลกเลือดดำให้เป็นเลือดแดงได้ต้องมีความชื้น ถ้าความชื้นน้อยมันจะไม่แลก ทำให้อึดอัด เหมือนอยู่ห้องแอร์แล้วอึดอัด เพราะความชื้นไม่พอ ไม่ใช่อากาศไม่พอ อากาศมันแห้งเลยเอาความชื้นในตัวเราไป ทำให้ปอดทำงานไม่สะดวก และออกซิเจนไม่ได้
แนวทางแก้ไข ให้เอาน้ำใส่กะละมังไว้ข้างตัว ยิ่งเป็นน้ำร้อนยิ่งดี ถ้าอึดอัดให้เอาผ้าหนุนเท้าให้สูง เลือดก็จะไหลลงมาได้ จะทำให้นอนสบาย การดื่มน้ำหวานๆ ตอนอยู่ดึกๆ ก็ช่วยได้ แต่อย่าหวานมากจะทำให้อ้วน ถ้าจะให้ดีที่สุดอย่าอยู่ดึก ดึกได้เป็นครั้งคราวถ้าจำเป็น คนนอนดึกเสียงจะแห้ง เพราะไตมันล้า การใช้สบู่ ให้ใช้สบู่เด็ก เพราะเป็นสบู่อ่อน การกัดจะน้อย อย่าใช้สบู่แรงๆ ให้ฟอกสบู่วันละครั้งก็พอ ถ้าฟอกวันละหลายๆ ครั้งไขมันจะหมด จะทำให้ผิวแตก ถ้าคันมากๆ อันเนื่องมาจากการนอนดึก ถ้าเราไม่ทราบเราจะยิ่งฟอกสบู่หนักเข้าซึ่งไม่ดี ให้ฟอกวันเว้นวัน การดูแลรักษาร่างกายให้ดี จะทำให้นั่งสมาธิได้ดี นั่งได้นาน ไม่คัน ไม่เข้าห้องน้ำบ่อย
สรุป: ไม่ควรนอนดึก พักผ่อนให้พอเพียง ออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ
อายุจะยืนยาวและมีความเรื่องง่าย ๆ ในชีวิตประจำวัน ที่ใครหลาย ๆ คนอาจจะคิดไม่ถึง หรือไม่ให้ความสำคัญกับมัน แต่จริง ๆ แล้ว กิจกรรมเหล่านี้ กลับทำให้ชีวิตของเรายืนยาวขึ้น จะมีอะไรบ้างนั้น ไปติดตามกันเลยค่ะ
1. รับประทานอาหารเช้าทุกวัน : เพราะอาหารมื้อนี้เองแหละ ที่ช่วยกระตุ้นอัตราเมตาบอลิซึ่มให้เผาผลาญ แคลอรี่ตลอดทั้งวัน ใครที่เคยคิด งดอาหารเช้าเพื่อลดความอ้วน ก็ขอให้ทราบว่าคิดผิดนะคะ เพราะอาหารเช้านี่แหละที่จะทำให้เราไม่อ้วนจนเกินไป อีกทั้งยังช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ได้อีกด้วยค่ะ
2. นอนหลับให้สนิท : อย่างน้อยวันละ 7-8 ชั่วโมง จะช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของเราแข็งแรงขึ้น เซลร่างกายสร้างตัวได้ดีขึ้น สมองสดใส และน้ำหนักลดลงได้
3. ออกกำลังกายเป็นประจำ : สัปดาห์ละ 3 ครั้งเป็นอย่างน้อย ครั้งละ 20 นาที จะทำให้หัวใจทำงานได้ดีขึ้น เพื่อความยืดหนุ่นข้อต่อร่างกาย และลดอาการกระดูกพรุนเมื่อวัยทองได้อีกด้วย
4. ทานน้ำมันตับปลา : กรดไขมัน โอเมก้า 3 ในน้ำมันตับปลา เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อหัวใจ และช่วยลดคอเรสเตอรอลได้ด้วย หรืออาจจะทานเนื้อปลาที่มีไขมันสัก 3 มื้อต่อสัปดาห์ อย่างเช่น ปลาทูน่า ปลาแซลมอน และปลาซาร์ดีน ทำให้เราอิ่มแบบไม่อ้วนค่ะ
5.ทำสมาธิ : จะช่วยลดความเครียด ลดความดันเลือด เวลากำหนดลมหายใจเข้าลึก ๆ ยังช่วยให้อ๊อกซิเจนเข้าปอดได้อย่างเต็มที่
6. หัวเราะ : ความรู้สึกดี ๆ จะมีมา และร่างกายของเรายังหลั่งสารเอนดอรืฟิน ซึ่งเป็นสารแห่งความสุขออกมาด้วย ความเครียด ความกังวลจะลดลงได้
7. แปรงฟันและขัดฟันทุกวัน ลดแบคทีเรียในช่องปาก สุขภาพจะดีขึ้นอย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียว
8. ทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ : อย่างเช่นผัก ผลไม้ ทั้งยังลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งด้วย
9. ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ วันละ 1 แก้ว แค่พอกระตุ้นหัวใจให้เลือดหมุนเวียนได้ดีขึ้น ถ้าจะให้ดีควรเป็นไวน์แดง
10. ดื่มชา : ช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งในระบบทางเดินอาหาร รวมทั้งลดความเสี่ยงโรคหัวใจด้วย

นิทาน....

La Eืamen.
La steal one from the movie the lion hunters were only glad Neu.It took the lion cover film covering the body Ee is waiting to see the trap in the bush ambush. When the other animals. Walking through the corona, it jumps out of the hide of other animals did not even notice it startled shudder. Quickly run away do not think lifeOne day, the fox walked past. La jumped out of the bush.Fox is also alarmed. Ee Tong has still to find a way each concentration Ee survive.Leave the fox is not afraid of threatening roaring sound.Upon hearing the voice of the ass. Foxes leave it to snap catch prey.

Moral of this story to know that.Who pretend to be true would show good Eืamen Hunt and others have.

Lion with deer
There was three oxen who have good relations in the prairie of Africa. They were always together with playing, eating grass, and sleeping. One day, when the oxen were eating grass, a lion attacked to them. Wow! They look so delicious. Three oxen were adhereing each other. Moow, Turn the horns to the lion, without separateing each other.
A lion could not approach even a step. Therefore, walking around the oxen, he was waiting for the chance to attack, but gave up and go away at last. If we cooperate each other, we dont need fear to even a lion. The lion was very mortifying because he could not eat an ox.
What is the good way for it? The lion thought hard. Now I know! I can not attack oxen because they cooperate together. I will separate them and eat them one by one. lion came to the prairie in which oxen are present. Good. Look ! All of them are eating grass, parted
The lion approached the red ox and said with the easy voice. Mr. red, I was defeated by the power of you all. I never attack any longer. By the way, who is the strongest ox in you all. All three of us are as strong. the red ox answered. Really? The others had not said such a thing.
The red ox Being surprised, the red ox asked. What did they say? The lion said. The black ox there said that he is the strongest one, and if he was not here, the red and the brown had been eaten by a lion already. What? Did he say such a awful thing? The red ox had got angry very much.
Finally, the lion went to thes place, after the black bull was deceived., Did you hear it? The black ox said that he have protected you two by only himself, and you are weakling and not useful. Moow! Ive got angry! The lion was pleased to deceive the oxen well.
Now in the prairie, oxen started fighting. In the beginning, the black ox shouted. We will decide by duel, about the strongest ox in us. Red ox said, too. I wont be defeated by you. Come on! is also angry furiously. The strongest is me. Three oxen began to fight, jabbing their horn.
Moow ! Moow! Three animals have been bloody, pierced by horns of each other. They are already wholly unconscious. Moow. I cant be with you any longer. The oxen which had good relations got separate. The lion was pleased !, and he attacked one by one, and ate steaks of them in three days.
Tales, stories told about this .. the cows are those who have been deceived. Shrimp from the lion and make up rumors to the lack of unity and difference. Have a good friendship together. Be focused and trust with people or friends who live in the same group.


The Shepherd Boy
There was once a young Shepherd Boy who tended his sheep at the foot of a mountain near a dark forest. It was rather lonely for him all day so he thought upon a plan by which he could get a little company and some excitement.He rushed down towards the village calling out Wolf,Wolf.
and the villagers came out to meet him,and some of them stopped with him for a consideration time.This pleased the boy so much that a few days afterwards he tried the same trick,
and again the villagers came to his help. But shortly after this a wolf actually did came out from the forest and began to worry the sheep, and the boy of course cried out wolf, wolf" still louder than before. But the villagers, who had fooled twice before, thought the boy was again deceiving them, and nobody stirred to come to his help.
So the wolf made a good meal off the boy's flock.

The Fox and the Stork
At one time the fox and the stork were on visiting terms and seemed very good friends. So the Fox invited the stork to dinner,and for a joke put nothing before her but some soup in a very shallow dish.This the Fox could easily lap up,but the Stork the end of her long bill in it,could only wet and left the meal as hungry as when she began. I am sorry"said the fox, the soup is not to your liking."Pray do not apologize,"said the Stork.I hope you will return this visit,and come and dine with me soon."So a day was appointed when the Fox should visit the Stork;but when they were seated at table all that was for their dinner was contained in a very long-necked jar with a narrow mouth, in which the Fox could not Insert his snout,so all he could manage to do was to lick outside of the jar.I will not apologize for the dinner,"said the Stork.

The tree and the Reed
Well, little one," said a tree to a Reed that was growing at its foot," why do you not plant your feet deeply in the ground, And raise your head boldly in the air as I do?" I am contented With my lot" I may not be sogrand, but I think I am safer." Safe!" sneered the Tree. Who shall pluck me up by the roots" or bow my head to the ground?" But it soon had to repent of its boasting,
For a hurricane arose Which tore it up from its roots. And cast it a useless log on the ground,
While the little Reed, bending to the force of the wind, Soon stood upright again when the storm had passed over.

วันเสาร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

วันศุกร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ดอกไม้ประจำวันเกิด

เกิดวันอาทิตย์
ต้นไม้ประจำวันเกิด เป็นต้นพวงแสด ต้นพุทธรักษา ต้นธรรมรักษา และต้นเยอร์บีร่าที่มีดอกสีส้ม ส่วนดอกไม้ประจำวันเกิด เป็นดอกกุหลาบสีส้ม จะถูกโฉลกกับเธอที่เกิดวันอาทิตย์
คนเกิดวันนี้มีนิสัยทะเยอทะยานและกระตือรือล้น เธอและดอกไม้มีความหมายถึงความฝันอันยิ่งใหญ่ ดอกไม้อีกชนิดสำหรับผู้เกิดวันนี้คือ ดอกทานตะวัน อันเป็นสัญลักษณ์คู่กับพระอาทิตย์เสมอ บอกถึงตัวเธอที่เชื่อมั่น หัวสูง ถือตัว และหยิ่งในศักดิ์ศรีด้วย



เกิดวันจันทร์
ต้นไม้ประจำวันเกิดของเธอคือ ต้นมะลิ ต้นแก้ว ต้นพุด ต้นจำปี ยิ่งถ้าปลูกแล้วออกดอกหอม เธอจะยิ่งโชคดี
ดอกไม้ประจำวันเกิด คือดอกมะลิขาวสะอาด หมายถึงตัวเธอที่มีความนุ่มนวลอ่อนโยน เรียบร้อย ส่วนดอกไม้อีกชิดคือ ดอกกุหลาบขาว หมายถึงความรักที่อ่อนโยนและไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทนเพราะคนวันจันทร์มักอ่อนไหวง่าย โรแมนติก และช่างฝัน

เกิดวันอังคาร
ต้นไม้ที่แสนดีของเธอคือ ต้นชัยพฤกษ์ ต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ ต้นยี่โถ ออกดอกสีชมพู ต้นเข็มออกดอกสีชมพู ถ้าต้นไม้ของเธอออกดอกมากๆ บอกได้ว่าเธอกำลังมีความสุข
ดอกไม้ประจำวันเกิดของเธอคือ ดอกกล้วยไม้ โดยเฉพาะที่ออกดอกสีชมพู เพราะมีความหมายถึงความรักที่ร้อนรุ่ม หวือหวา วูบวาบตามอารมณ์ของคนที่เกิดวันนี้


เกิดวันพุธ
ต้นไม้ประจำตัวคนที่เกิดวันพุธนั้นพิเศษกว่าคนอื่นตรงที่เป็นต้นไม้ใบเขียว โดยเฉพาะต้นกระดังงา ต้นสนฉัตร ดังนั้นเธอควรปลูกต้นไม้เยอะๆ ถึงจะโชคดี ต้นไม้เหล่านั้นจะช่วยปกป้องคุ้มครองเธอได้ คือ ดอกบัว หมายถึงจิตใจอันสงบ เพราะคนที่เกิดวันพุธมักชอบเป็นนักการทูตและรัก สันติภาพ
ดอกไม้ประจำวันเกิด คือดอกบัว ซึ่งคนที่เกิดวันพุธมักจะเป็นนักคำนวณ (เงิน) สีเหลืองอร่ามราวกับทองของดอกไม้ชิดนี้ หมายถึงรักของเธอต้องมาพร้อมเงิน



เกิดวันพฤหัสบดี
ต้นไม้ประจำตัวคือ ต้นโสน ต้นราชพฤกษ์ และต้นบานบุรี หากมีต้นไม้เหล่านี้อยู่ในบ้านจะช่วยคุ้มครองดูแลเธอ
ดอกไม้ประจำวันเกิดของเธอคือ ดอกกุหลาบสีเหลือง หมายถึงการเปลี่ยนแปลงในเรื่องความรัก รักซ้อนซ่อนใจ เพราะคนที่เกิดวันนี้เป็นคนรักงายหน่ายเร็ว เจ้าชู้เล็กๆ ดอกไม้อีกชนิดหนึ่งคือดอกคาร์เนชั่นสีชมพู หมายถึงรักของเธอที่อ่อนโยนและอ่อนหวาน เธอที่เกิดวันนี้ จริงๆ แล้วเป็นคนสุภาพอ่อนโยนและมีอารมณ์ขัน น่ารักเหมือนดอกไม้ของเธอนั่นแหละ



เกิดวันศุกร์
ต้นไม้ที่แสนดีของคนที่วันศุกร์คือ ต้นพยับหมอก ต้นแส ต้นอัญชัน
ส่วนดอกไม้ของเธอคือ กุหลาบทุกสี เพราะคนที่เกิดวันศุกร์มักเป็นนักรักที่ยิ่งใหญ่มีเสน่ห์ล้นเหลือ หรือจะเป็นดอกไม้เจ้าเสน่ห์ที่มีความหมายหวานแหววแบบดอกไวโอแลตว่า "ฉันรักเธอแล้ว หากรักฉันก็บอกกันบ้างนะ" คนเกิดวันศุกร์บางอารมณ์ก็โลเล จึงได้ดอกลาเวนเดอร์ที่มีความหมายถึงรักที่สับสน ไม่แน่นอน ไปครองอีกดอกหนึ่ง



เกิดวันเสาร์
จะมีต้นไม้พวกต้นกัลปังหา ต้นพวงคราม ต้นอินทนิล เป็นต้นไม้ประจำวันเกิด
ดอกไม้ประจำวันเกิดคือ ดอกลิลลี่ อันหมายถึงรักครั้งแรก รักที่บริสุทธิ์เพราะคนที่เกิดวันเสาร์เป็นคนจริงจังและซีเรียส จึงรักใครยากหน่อย ทว่าดอกลิลี่เป็นดอกที่กระทบใจคนขี้เหงาวันเสาร์ได้ดีทีเดียว






เลขโรมัน
I หรือ i มีค่าเท่ากับ 1
V หรือ v มีค่าเท่ากับ 5
X หรือ x มีค่าเท่ากับ 10
L หรือ l มีค่าเท่ากับ 50
C หรือ c มีค่าเท่ากับ 100
D หรือ d มีค่าเท่ากับ 500
M หรือ m มีค่าเท่ากับ 1,000
นอกจากนี้ ยังมีสัญลักษณ์อื่นที่ไม่ได้ใช้ในระบบเลขโรมันปัจจุบัน แต่ปรากฏอยู่ในรหัส
ยูนิโคด ดังนี้
ↀ (U+2180) มีค่าเท่ากับ 1,000
ↁ (U+2181) มีค่าเท่ากับ 5,000
ↂ (U+2182) มีค่าเท่ากับ 10,000
ↇ (U+2187) มีค่าเท่ากับ 50,000

ↈ (U+2188) มีค่าเท่ากับ 100,000

การเขียนเลขโรมัน
การเขียนเลขโรมัน สามารถเขียนแทนเฉพาะจำนวนเต็มบวกเท่านั้น เนื่องจากในสมัยก่อนโรมยังไม่มีสัญลักษณ์แทนเลข
ศูนย์หรือเลขทศนิยม โดยให้เขียนจากสัญลักษณ์ที่มีค่ามากแล้วลดหลั่นกันไปยังสัญลักษณ์ที่มีค่าน้อย เช่น
MCCCXXV มีค่าเท่ากับ 1,000 + 300 + 20 + 5 = 1,325
MMMDLXVII มีค่าเท่ากับ 3,000 + 500 + 60 + 7 = 3,567
ถ้าเขียนสัญลักษณ์ที่มีค่าน้อยกว่าไว้ด้านหน้าสัญลักษณ์ที่มีค่ามากกว่า ค่าของจำนวนที่ได้จะมีค่าเท่ากับจำนวนที่มีค่ามากลบด้วยจำนวนที่มีค่าน้อย และจะเขียนสัญลักษณ์เพียงคู่เดียวในแต่ละหลักเท่านั้น เช่น
IX มีค่าเท่ากับ 10 − 1 = 9
XL มีค่าเท่ากับ 50 − 10 = 40
MCMLXXVII มีค่าเท่ากับ 1,000 + (1,000 − 100) + 70 + 7 = 1,977
MMCDLXVIII มีค่าเท่ากับ 2,000 + (500 − 100) + 60 + 8 = 2,468
จำนวนที่มีค่าเกินกว่าที่กำหนดไว้ตามสัญลักษณ์ดังกล่าว จะเขียน บาร์ (ขีด) ไว้บนสัญลักษณ์เหล่านี้ ซึ่งหากบาร์ถูกกำหนดไว้บนสัญลักษณ์ใด สัญลักษณ์นั้นจะแทนจำนวนซึ่งมีค่าเท่ากับสัญลักษณ์นั้นคูณด้วย 1,000 เช่น
V มีค่าเท่ากับ 5 × 1,000 = 5,000
X มีค่าเท่ากับ 10 × 1,000 = 10,000
L มีค่าเท่ากับ 50 × 1,000 = 50,000
C มีค่าเท่ากับ 100 × 1,000 = 100,000
D มีค่าเท่ากับ 500 × 1,000 = 500,000
M มีค่าเท่ากับ 1,000 × 1,000 = 1,000,000


เลขสเปน
0 - cero [เซโร่]
1 - uno, un, una [อูโน่, อุน, อูน่า]
2 - dos [โดส]
3 - tres [เตรซ]
4 - cuatro [คว้าโต้]
5 - cinco [ซิงโข่]
6 - seis [เซอิส]
7 - siete [ซิเอเต]
8 - ocho [โอโช่]
9 - nueve [นูเอเบ]
10 - diez [ดิเอซ]

uno dos tres cuatro cinco seis siete ocho nueve diez
[อูโน่ โดส เตรส ควาโต้ ซิงโข่ เซอิส ซิเอเต้ โอโช่ นูเอเบ ดิเอซ]

11 - once [อนเซ่]
12 - doce [โดเซ่]
13 - trece [เตรเซ่]
14 - catorce [คาตอร์เซ่]
15 - quince [คินเซ่]
16 - dieciseis [ดิเอซิเซอิส]
17 - diecisiete [ดิเอซิซิเอเต้]
18 - dieciocho [ดิเอซิโอโช่]
19 - diecinueve [ดิเอซินูเอเบ้]
20 - veinte [เบนเต้]
21 แบบว่าซับซ้อนเล็กน้อย เพราะมันมีเลข 1 เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย อ่านได้สามแบบ
veintiuno [เบนติอูโน่]
veintiun [เบนติอุน]
veintiuna [เบนติอูน่า]
22 - veintidos [เบนติโดส]
23 - veintitres [เบนติเตรส]
24 - veinticuatro [เบนติควาโตร้]
25 - veinticinco [เบนติซิงโข่]
26 - veintiseis [เบนติเซอิซ]
27 - veintisiete [เบนติซิเอเต้]
28 - veintiocho [เบนติโอโช่]
29 - veintinueve [เบนตินูเอเบ้]
30 - treinta [เตร็นตะ]
31 - treinta y uno [เตร็นตะ อี อูโน่]
32 - treinta y dos [เตร็นตะ อี โดส]
33 - treinta y tres [เตร็นตะ อี เตรส]
34 - treinta y cuatro [เตร็นตะ อี คว้าโต้]
แล้วก็เพิ่ม จำนวนตัวเลขไปหลัง y (อี) เช่น 35 ก็จะเป็น treinta y cinco [เตร็นตะ อี ซิ้งโขะ]

40 - cuarenta [ควาเรนต้า]
44 - cuarenta y cuatro [ควาเรนต้า อี ควาโตร้]
46 - cuarenta y seis [ควาเรนต้า อี เซอิซ]

50 - cincuenta [ซิงเคว้นต้า]
52 - cincuenta y dos [ซิงเควนต้า อี โดส]
57 - cincuenta y siete [ซิงเควนต้า อี ซิเอเต้]

60 - sesenta [เซเซนต้า]
61 - sesenta y uno [เซเซนต้า อี อูโน่]
63 - sesenta y tres [เซเซนต้า อี เตรส]

70 - setenta [เซเตนต้า]
75 - setenta y cinco [เซเตนต้า อี ซิงโข่]
78 - setenta y ocho [เซเตนต้า อี โอโช่]

80 - ochenta [โอเชนต้า]
88 - ochenta y ocho [โอเชนต้า อี โอโช่]
89 - ochenta y nueve [โอเชนต้า อี นูเอเบ้]

90 - noventa [โนเบนต้า]
93 - noventa y uno [โนเบนต้า อี อูโน่]
99 - noventa y nueve [โนเบนต้า อี นูเอเบ้]
และ ในที่สุดก็ 100 - cien/ciento [เซียน/เซียนโต้]

101 - ciento uno [เซียนโต้ อูโน่]
102 - ciento dos [เซียนโต้ โดส]
103 - ciento tres [เซียนโต้ เตรซ]
161 - ciento sesenta y uno [เซียนโต้ เซเซนต้า อี อูโน่]
162 - ciento sesenta y dos [เซียนโต้ เซเซนต้า อี โดส]

200 - doscientos/-as [ดอสเซียนตอส/-ตาส]
300 - trescientos/-as [เตรสเซียนตอส/-ตาส]
400 -cuatrocientos/-as [ควาโตรตอส/-ตาส]
500 - quinientos/-as [คินิเอนตอส/-ตาส]
600 - seiscientos/-as [เซอิสตอส/-ตาส]
700 - setecientos/-as [เซเตตอส/-ตาส]
800 - ochocientos/-as [โอโช่ตอส/-ตาส]
900 - novecientos/-as [โนเบตอส/-ตาส]
ตอส กะ ตาส นั้นมันต่างกันอย่างไรนั้น
เพราะมันเกี่ยวกับเพศของคำนามที่เอาไปขยาย ก็คล้าย ๆ กับภาษาฝรั่งเศสซึ่ีงมันก็จะไปเกี่ยวข้องกับคำหน้าคำนามอีก ของฝรั่งเศสก็ le/la/les
แต่ของสเปนมัน el/la/lo ครับ [ค่อยอธิบายในบทต่อ ๆ ไป]

1000 - mil [มีล]
1170 - mil ciento setenta [มีล เซียนโต้ เซเตนต้า]
2000 - dos mil [ดอส มีล]
3000 - tres mil [เตรส มีล]

50,000 - cincuenta mil [ซิงคูเอนต้า มีล]
100,000 - cien mil [เซียน มีล]
1,000,000 - un million [อุน มิลลิยอน]
หลังจากนี้ก็เติม -เนส หลังมิลลิยอน เพราะมันเป็นพหูพจน์ไปแล้ว
milliones นั้น มันมากกว่าหนึ่งล้าน
2,000,000 - dos milliones [ดอส มิลลิยอนเนส]
3,000,000 - tres milliones [เตรส มิลลิยอนเนส]
4,000,000 - cuatro milliones [ควาโตร้ มิลลิยอนเนส]