วันเสาร์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2553

นมแพะ…ของดีที่หลายท่านมองข้าม
ในช่วงนี้ท่านผู้อ่านคงเคยเห็นโฆษณาตามโทรทัศน์เกี่ยวกับน้ำนมแพะและผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ผลิตจากน้ำนมแพะ และหลายๆท่านคงสงสัยและเกิดคำถามในใจว่า น้ำนมแพะมีความแตกต่างจากน้ำนมชนิดอื่นๆ ที่เราเคยดื่มกันหรือไม่ มีประโยชน์มากน้อยเพียงใด...ทานแล้วจะอ้วนหรือไม่...วันนี้เราจะนำท่านไปรู้จักกับนมแพะกันนะคะ มนุษย์เรารู้จักการดื่มนมแพะมาตั้งแต่ ยุคกรีกโบราณ หลายประเทศในแถบเมดิเตอร์เรเนียนและชนเผ่ามองโกลนิยมดื่มนมแพะกันมาก เนื่องจากแพะเป็นสัตว์ที่สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศได้ดี รวมทั้งเชื่อว่า โปรตีนในนมแพะจะทำให้เม็ดเลือดขาวทำงานอย่างมีประสิทธิภาพจึงทำให้ภูมิต้านทานในร่างกายดีขึ้น คุณประโยชน์ของน้ำนมแพะนั้นมีมากมาย เพราะเป็นแหล่งสารอาหารทางโภชนาการครบ 5 หมู่ และที่สำคัญน้ำนมแพะมีคุณสมบัติใกล้เคียงน้ำนมมารดา ซึ่งมีโมเลกุลไขมันขนาดเล็ก ที่ประกอบด้วยกรดไขมันสายโซ่สั้นจำนวนมาก ทำให้ย่อยง่าย ร่างกาย คนเราสามารถดูดซับไปใช้ได้อย่างรวดเร็วโดยภายหลังจากการดื่มเพียง 20 นาทีร่างกายก็สามารถได้รับประโยชน์และมีคุณสมบัติเป็นสารกันชน (Buffering Substance) เหมาะสำหรับคนชรา ผู้ป่วยและเด็ก “นมแพะะอุดมด้วยกรดอะมิโนหลายชนิด ที่มีคุณค่าสูงต่อผู้สูงอายุผู้ป่วยและเด็กที่แพ้นมโค มีวิตามินเอในรูปอิสระ ซึ่งอยู่ในรูปแคโรทีนสูง แตกต่างจากนมโคและมีแร่ธาตุสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างกระดูกฟันและเลือด เช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัส และแร่ธาตุต่างๆ อยู่สูง รวมทั้งมีสารต่อต้าน (Antibody) อยู่มาก และแพทย์ยังแนะนำผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร ให้หันมาดื่มนมแพะและใช้เลี้ยงทารกหลังจากหย่านม”นอกจากนมแพะ จะไม่ก่อให้เกิดไขมันสะสมแล้ว นมแพะยังมีกรดไขมันชนิดพิเศษชื่อ คาโพรอิก ( Caproic ) คาพรีลิก ( Caprylic ) และคาพริก (Capric) ที่วงการแพทย์กำลังให้ความสนใจ เพราะกรดไขมัน เหล่านี้ช่วยรักษาโรคที่เกี่ยวกับการดูดซึมอาหาร ไม่ว่าจะเป็นโรคภาวะดูดซึมสารอาหารบกพร่อง หรือลำไส้เล็กทำงานผิดปกติ การดื่มนมแพะจึงเป็นทางเลือกหนึ่งของผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับ ระบบการดูดซึมอาหาร รวมทั้งผู้ที่มีปัญหากับการดื่มนมชนิดอื่นๆที่สำคัญยังเหมาะกับผู้ป่วย โรคกระเพาะอาหาร เพราะช่วยลดอาการอักเสบอันเกิดจากแผลในกระเพาะอาหารได้ ทั้งนี้เนื่องมาจากนมแพะมีค่า pH อยู่ในระดับ 6.4 - 6.7 ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่เหมาะสมใน การปรับสภาพกระเพาะอาหารให้มีความเป็นกลางนั่นเองในนมแพะมีวิตามินเอสูง ซึ่งมีส่วนในการช่วยสร้างเซลล์ผิวหนัง เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ผิวและผมแข็งแรง วิตามินบี 1 ช่วยป้องกันโรคเหน็บชา ช่วยระบบเผาผลาญคาร์โบไฮเดรตในร่างกาย วิตามินบี 2 เสริมขบวนการให้พลังงานแก่ร่างกาย และจำเป็นต่อผิวหนัง เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดการเสื่อมสภาพของเซลล์ในร่างกาย วิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดการเสื่อมสภาพของเซลล์ในร่างกาย บำรุงผิวพรรณให้สดใส จะเห็นได้ว่าในสมัยโบราณมีการนำน้ำนมแพะผสมเครื่องประทินผิว ทำให้ผิวหนังชุ่มชื่นไม่แห้งหรือหยาบกระด้าง เพราะเป็นที่ทราบดีว่า โมเลกุลในน้ำนมแพะเล็กมาก สามารถซึมซับเข้าผิวหนังได้รวดเร็ว ปัจจุบันได้มีการส่งเสริมการเลี้ยงแพะให้เป็นสัตว์เศรษฐกิจ รวมทั้งมีการจัดการระบบฟาร์มเลี้ยงแพะให้มีความทันสมัยและใช้เครื่องจักรที่ทันสมัยในการรีดนม โดยน้ำนมดิบ จะผ่านจากหัวรีดไปเก็บไว้ในแท็งก์ทำความเย็นเพื่อรักษาความสดใหม่ จากนั้นจะ เก็บรักษาไว้ในถังที่ปิดสนิท เพื่อป้องกันการปนเปื้อนจากเชื้อโรคและฝุ่นละอองก่อนส่งถึง โรงงานพาสเจอร์ไรซ์ ซึ่งขั้นตอนนี้น้ำนมแพะจะผ่านกระบวนการพาสเจอไรซ์ด้วยเครื่องจักร ระบบอัตโนมัติที่ปลอดเชื้อตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งบรรจุขวด จากนั้นจะมีการตรวจสอบคุณภาพน้ำนม อีกครั้งในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ เพื่อให้มั่นใจว่าได้นมแพะพาสเจอไรซ์ที่สดสะอาด และยังคงคุณค่าทางอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุ จนถึงมือผู้บริโภคคะ....และเพื่อสุขภาพที่ดีของท่านอย่าลืมดื่มน้ำนมแพะก่อนนอนนะคะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น